ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

"การควบคุม (Controlling)" กับการประยุกต์ใช้ Feed forward control, control concurrent control, Feedback control ในการทำงาน


                "การควบคุม (Controlling)" การควบคุมและประเมินผล ประกอบด้วย การควบคุม การจัดนวัตกรรม และการเปผลี่ยนแปลง เป็นการประเมินการควบคุมให้ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ 4 ด้าน คือ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเรียนรู้และการพัฒนา

                การควบคุมมีความสำคัญอย่างไร?         
                การควบคุมจะทำให้กระบวนการทำงานอยู่ในช่วงเวลาการควบคุมที่กำหนดไว้ โดยมีการนำกระบวนการควบคุม 4 ขั้นตอน คือ 1) ตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด เป็นการสร้างข้อตกลงเบื้องต้นและเป้าหมายในการปฎิบัติงาน 2) วัดผลทำงานจริง โดยข้อมูลการปฎิบัติงานจริงดูได้จากสังเกตุ รายงานข้อมูลทางสถิติ รายงานด้วยวาจา รายงานสรุป 3) เปรียบเทียบผลการปฎิบัติงานจริงกับเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ 4) ทบทวนผลการปฎิบัติงาน เป็นการทบทวนผลการปฎิบัติงานว่าสูงหรือต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ และควรมีการแก้ไขอย่างไร

 กระบวนการควบคุมสามารถนำมาประยุกต์ใช้ดังนี้ การควบคุมก่อนการดำเนินงาน (Feed forward control) เช่น การพิจารณาความความพร้อมในการใช้ทรัพยากร ที่ประกอบด้วย เงินทุน วัตถุดิบ เครื่องมือ ความพร้อมของพนักงาน, การควบคุมระหว่างการดำเนินงาน (control concurrent control) เช่น การพิจารณาความคุมค่าในการใช้ทรัพยากร ที่ประกอบด้วย การใช้เงินทุน วัตถุดิบ เครื่องมือ ความคุมค่าในการปฎิบัติงานของพนักงาน, การควบคุมหลังสิ้นสุดการดำเนินงาน (Feedback control) เช่น การพิจารณาว่าการใช้ทรัพยากรบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ประกอบด้วยการใช้เงินทุน วัตถุดิบ เครื่องมือ และการทำงานของพนักงาน ว่าตรงกับเป้าหมายที่ว่างไว้ ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเรียนรู้และการพัฒนา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบบ Chain network หรือแบบ All control องค์กรควรออกแบบการสื่อสารอย่างไร

                 การที่องค์การควรที่จะออกแบบการสื่อสารอย่างไรขึ้นอยู่กับ กลยุทธ์ ขนาดขององค์การ เทคโนโลยี และสภาพแวดล้องภายนอก                 องค์การใช้กลยุทธ์ Differentiation เน้นการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ โครงสร้างขององค์การเป็นแบบ Organic โดยพิจารณาโครงสร้างแนวดิ่งพบว่า สิทธิอำนาจในการสั่งการยาว กฎกณฑ์ในการทำงานยาก เป็นทางการ Narrow span control หัวหน้า 1 คน มีลูกน้องจำนวนน้อย ควบคุมการทำงานของพนักงานได้ เป็นโครงสร้างแบบรวมอำนาจ พิจารณาโครงสร้างแนวนอนพบว่า การสื่อสารแบบสายการบังคับบัญชา มีการมอบหมายงานตามความเชี่ยวชาญ เหมาะสำหรับองค์การที่มีขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบบ small Batch technology โดยการผลิตครั้งละน้อยๆ สภาพแวดล้อมภายนอก สลับซับซ้อนไม่คงที่ การสื่อสารขององค์การควรเป็นแบบ Chain network เพราะ ง่ายต่อการควบคุม ไม่จำเป็นต้องเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากพนักงานมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ...

"สร้างแรงจูงใจ" กับกิจกรรมการบริหารทรัพยากรมนุษย์

                หลายคนคงเคยสงสัยว่ากิจกรรมการบริหารทรัพยากรมนุษย์มีส่วนในการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานในองค์การได้อย่างไร ซึ่งหลากหลายกิจกรรมนำมาซึ่ง " กระบวนการบริหารทรัพยากร" ที่เกิดขึ้นภายในองค์กรที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน อันได้แก่                 การรับสมัครและคัดเลือก คือ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกพนักงาน คือ การิจารณาว่าคนเหมาะสมกับงานหรือตำแหน่งหน้าที่ที่ทำหรือไม่ การพิจารณาว่าคนเหมาะสมกับองค์การกหรือไม่ เช่น องค์การนี้สภาพแวดล้อมภายในองค์การมีความกดดัน การทำงานเร่งรีบ ใช้ทักษะและความรวดเร็วในการทำงาน จึงจำเป็นที่จะต้องคัดเลือกพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญมาทำงาน การพิจารณาตามสมรรถนะที่องค์การกำหนดขึ้น เช่น องค์การนี้ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถพิเศษในด้านภาษา ก็ย่อมต้องการพนักงานที่สามารถพูดภาษาได้คล่องแคล่ว                 ผลการปฎิบัติง...