ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

องค์การใดจำเป็นต้องมี "กลยุทธ์ "


               องค์การ หมายถึง บุคคลกลุ่มหนึ่งที่มารวมตัวกัน โดยมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน และดำเนินกิจกรรมบางอย่างร่วมกันอย่างมีขั้นตอนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ โดยมีทั้งองค์การที่แสวงหาผลกำไร และองค์การที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์เป็นหลัก ทุกองค์การมีเป้าหมายในการก่อตั้ง ดังนั้น การที่จะนำพาองค์การไปสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งวางและกำหนดไว้ได้ องค์การจะต้องมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการที่เหมาะสม โดยกลยุทธ์ที่กำหนดขึ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายในองค์การปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ วิสัยทัศน์ พันธะกิจและเป้าหมายขององค์การ ดังนั้น องค์การทุกองค์การจะต้องมีกลยุทธ์เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ตั้งวางไว้

                องค์การใดจำเป็นต้องมีกลยุทธ์  คือ องค์การที่เป็นระบบเปิด (Organizations are open systems) คือ องค์การที่มีความเกี่ยวข้องกับ สภาพแวดล้อม และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งจะประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมภายนอก (External environment) ซึ่งได้แก่ สภาพแวดล้อมทั่วไป หรือ สภาพแวดล้อมมหภาค (General environment /Macroeconomic Environment) และ สภาพแวดล้อมทางการแข่งขัน (Competitive Environments) ประกอบกับ ปัจจัยแวดล้อมภายใน หรือความสามารถขององค์การ (Internal environment)
                แน่นอน ทุกๆ องค์การจะต้องได้รับผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของปัจจัยแวดล้อมภายนอก ที่ไม่สามารถควบคุมได้ (Uncontrollable Factors) และปัจจัยภายในที่สามารถควบคุมได้ (Controllable factors)  และนั่นเป็นการนำไปสู่การจัดการที่ว่า จะทำอย่างไรให้ องค์การนั้นอยู่รอดและไปสู่เป้าหมายในระยาวได้ หรือตอบสนองกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนเพื่อรับมือ หรือหาแผน ยุทธวิธีในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป แผนที่มีการนำเอาปัจจัยแวดล้อมภายนอกมาไว้ในการจัดทำแผน ก็คือ การวาง แผนกลยุทธ์นั่นเอง  ซึ่งแผนกลยุทธ์ ก็คือ การมองภาพขององค์การในอนาคต ซึ่งปัจจัยแวดล้อมทั้งภายนอก และภายในที่จำเป็นต่อการจัดทำแผนกลยุทธ์นั้น จะอยู่ในขั้นตอนที่ 2 -3 ของกระบวนการจัดการกลยุทธ์นั้น คือการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมภายนอก และปัจจัยแวดล้อมภายในองค์การ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ SWOT และกำหนดกลยุทธ์ให้กับองค์การว่า จะปรับแผนกลยุทธ์ หรือยุทธวิธีแบบไหนให้องค์การ ตอบสนองกับสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้ได้เปรียบทางการแข่งขัน การเติบโตขององค์การ และสามารถดำรงค์อยู่ได้ในระยะยาว เมื่อปัจจัยแวดล้อมต่างๆ นั้นเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากว่า ปัจจัยแวดล้อมภายนอก และภายในองค์การนั้นเป็นอินพุท หรือปัจจัยป้อนเข้า ที่จะใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ถ้ากลยุทธ์ที่ใช้นั้นไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งได้จากประเมินในขั้นตอนที่ 6 Strategic Control ก็จะสามารถ feedback กลับไป ปรับอินพุทหรือเรียกว่าปรับปัจจัยป้อนเข้า โดยการวิเคราะห์ ที่ปัจจัยแวดล้อมภายใน และภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป หรือเรียกว่ามีการ update ข้อมูลอยู่เสมอ เพื่อที่จะ ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือการสร้างประโยชน์จากโอกาสจากภายนอก ในขณะที่เป้าหมาย และภาระกิจขององค์การนั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเป็นเป้าหมายที่เราจะต้องบรรลุนั่นเอง ซึ่งสอดคล้องกับ Strategic management process


                  ดังนั้นองค์การ ที่จำเป็นที่จะต้องมี กลยุทธ์ก็ คือ ทุกๆ องค์การ ที่ต้องการ ได้เปรียบในการแข่งขันทางธุจกิจ ต้องการการบรรลุเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ ต้องการ การเติบโตขององค์การ และดำรงค์อยู่ได้ในระยะยาว เมื่อปัจจัยแวดล้อมต่างๆ นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"การควบคุม (Controlling)" กับการประยุกต์ใช้ Feed forward control, control concurrent control, Feedback control ในการทำงาน

                "การควบคุม ( Controlling )" การควบคุมและประเมินผล ประกอบด้วย การควบคุม การจัดนวัตกรรม และการเปผลี่ยนแปลง เป็นการประเมินการควบคุมให้ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ 4 ด้าน คือ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเรียนรู้และการพัฒนา                 การควบคุมมีความสำคัญอย่างไร?                            การควบคุมจะทำให้กระบวนการทำงานอยู่ในช่วงเวลาการควบคุมที่กำหนดไว้ โดยมีการนำกระบวนการควบคุม 4 ขั้นตอน คือ 1) ตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด เป็นการสร้างข้อตกลงเบื้องต้นและเป้าหมายในการปฎิบัติงาน 2) วัดผลทำงานจริง โดยข้อมูลการปฎิบัติงานจริงดูได้จากสังเกตุ รายงานข้อมูลทางสถิติ รายงานด้วยวาจา รายงานสรุป 3) เปรียบเทียบผลการปฎิบัติงานจริงกับเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ 4) ทบทวนผลการปฎิบัติงาน เป็นการทบทวนผ...

Corporate Governance และ Social Responsibility มีความสำคัญอย่างไร

Corporate Governance (บรรษัทภิบาล) หมายถึง กระบวนการ กิจกรรม หรือ กลไกที่องค์กรหรือบริษัท กระทำเพื่อให้เกิดการจัดการที่ดีในองค์กรหรือ เรียกว่า ธรรมาภิบาล ( Good Corporate Governance)   ดังนั้น Corporate Governance จึงเป็นระบบที่จัดให้มีกระบวนการ โครงสร้าง และการควบคุมกิจการให้มีความรับผิดชอบตามหน้าที่ด้วยความโปร่งใส สามารถสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อรักษาเงินลงทุนและเพิ่มคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว ภายใต้กรอบของการมีจริยธรรมที่ดี โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( Stakeholder) ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และสังคมโดยรวม ดังมีลักษณะที่สำคัญ คือ -                   - การบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ -                   - การตรวจสอบและอธิบายได้ -                   - ความโปร่งใส - ...

แบบ Chain network หรือแบบ All control องค์กรควรออกแบบการสื่อสารอย่างไร

                 การที่องค์การควรที่จะออกแบบการสื่อสารอย่างไรขึ้นอยู่กับ กลยุทธ์ ขนาดขององค์การ เทคโนโลยี และสภาพแวดล้องภายนอก                 องค์การใช้กลยุทธ์ Differentiation เน้นการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ โครงสร้างขององค์การเป็นแบบ Organic โดยพิจารณาโครงสร้างแนวดิ่งพบว่า สิทธิอำนาจในการสั่งการยาว กฎกณฑ์ในการทำงานยาก เป็นทางการ Narrow span control หัวหน้า 1 คน มีลูกน้องจำนวนน้อย ควบคุมการทำงานของพนักงานได้ เป็นโครงสร้างแบบรวมอำนาจ พิจารณาโครงสร้างแนวนอนพบว่า การสื่อสารแบบสายการบังคับบัญชา มีการมอบหมายงานตามความเชี่ยวชาญ เหมาะสำหรับองค์การที่มีขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบบ small Batch technology โดยการผลิตครั้งละน้อยๆ สภาพแวดล้อมภายนอก สลับซับซ้อนไม่คงที่ การสื่อสารขององค์การควรเป็นแบบ Chain network เพราะ ง่ายต่อการควบคุม ไม่จำเป็นต้องเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากพนักงานมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ...